อาณาจักรอยุธยา เป็นอาณาจักรของชนชาติไทยในอดีตตั้งแต่ พ.ศ. 1893-2310 มีเมืองหลวงที่ กรุงศรีอยุธยา เป็นอาณาจักรซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองจนอาจถือได้ว่าเป็นอาณาจักรที่ รุ่งเรืองมั่งคั่งที่สุดในภูมิภาคสุวรรณภูมิ อีกทั้งยังเป็นอาณาจักรที่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากับหลายชาติ จนถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางการค้าในระดับนานาชาติ เช่น จีน เวียดนาม อินเดีย ญี่ปุ่น เปอร์เซีย รวมทั้งชาติตะวันตก เช่น โปรตุเกส สเปน ดัตช์ และฝรั่งเศส เคยมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล โดยมีประเทศราชแผ่ขยายไปจนถึงรัฐฉานของพม่า อาณาจักรล้านนา มณฑลยูนนานและมณฑลชานสี อาณาจักรล้านช้าง อาณาจักรขอม และคาบสมุทรมมลายูในปัจจุบัน
กรุงศรีอยุธยา
ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นส่วนหนึ่งของอำเภอพระนครศรีอยุธยา ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ประวัติ
จุดเริ่มต้น
ชาวไทยเริ่มตั้งถิ่นฐานบริเวณตอนกลาง และตอนล่างของลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามาตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 18 แล้ว ทั้งยังเคยเป็นที่ตั้งของเมืองสังขบุรี อโยธยา เสนาราชนคร และกัมโพชนครต่อมา ราวปลายพุทธศตวรรษที่ 19 อาณาจักรขอมและสุโขทัยเริ่ม เสื่อมอำนาจลง พระเจ้าอู่ทองทรงดำริจะย้ายเมืองและพิจารณาชัยภูมิเพื่อตั้งอาณาจักรใหม่ และตัดสินพระทัยสร้างราชธานีแห่งใหม่บริเวณตำบลหนองโสน (บึงพระราม)และสถาปนากรุงศรีอยุธยาขึ้นเป็นราชธานี เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 5 ปีขาล จุลศักราช 712 ตรงกับวันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 1893(พ.ศ.นี้เทียบจาก จ.ศ. แต่จะตรงกับ ค.ศ.1351) ชื่อว่า กรุงเทพมหานคร บวรทวาราวดี ศรีอยุธยา มหาดิลก ภพนพรัตน์ราชธานี บุรีรมย์อุดมมหาสถาน ประวัติศาสตร์บางแห่งระบุว่าเกิดโรคระบาดขึ้น พระเจ้าอู่ทองจึงทรงย้ายเมืองหลวงมายังกรุงศรีอยุธยา
การขยายดินแดน
กรุงศรีอยุธยาดำเนินนโยบายขยายอาณาจักรด้วย 2 วิธีคือ ใช้กำลังปราบปราม ซึ่งเห็นได้จากชัยชนะในการยึดครองเมืองนครธม (พระนคร) ได้อย่างเด็ดขาดในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 และอีกวิธีหนึ่งคือ การสร้างความสัมพันธ์แบบเครือญาติ อันเห็นได้จากการผนวกกรุงสุโขทัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรการล่มสลายของอาณาจักร
ในปี พ.ศ. 2308 พระเจ้ามังระ บุตรของพระเจ้าอลองพญา ก็ได้รุกรานอาณาจักรอยุธยาอีกครั้งหนึ่ง โดยแบ่งกองกำลังออกเป็น 2 ส่วน คือ ฝ่ายเหนือภายใต้การบังคับของเนเมียวสีหบดี และฝ่ายใต้ภายใต้การนำของมังมหานรธา และมุ่งเข้าตีอาณาจักรอยุธยาพร้อมกันทั้งสองด้าน ฝ่ายอยุธยาทำการตั้งรับอย่างเข้มแข็ง และสามารถต้านทานการปิดล้อมของกองทัพพม่าไว้ได้นานถึง 14 เดือน แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งการล่มสลายได้ กองทัพพม่าสามารถเข้าเมืองได้ในวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2310
พระราชวงศ์
ราชวงศ์กษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยา ประกอบด้วย 5 ราชวงศ์ คือ- ราชวงศ์อู่ทอง มีกษัตริย์ 3 พระองค์
- ราชวงศ์สุพรรณภูมิ มีกษัตริย์ 13 พระองค์
- ราชวงศ์สุโขทัย มีกษัตริย์ 7 พระองค์
- ราชวงศ์ปราสาททอง มีกษัตริย์ 4 พระองค์
- ราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีกษัตริย์ 6 องค์
พระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ลำดับ | พระนาม | ปีที่ครองราชย์ | พระราชวงศ์ |
1 | 1893 - 1912 (19 ปี) | ||
2 | 1912 - 1913 (1 ปี) | อู่ทอง | |
3 | 1913 - 1931 (18 ปี) | ||
4 | 1931 (7 วัน) | สุพรรณภูมิ | |
สมเด็จพระราเมศวร ครองราชย์ครั้งที่ 2 | 1931 - 1938 (7 ปี) | อู่ทอง | |
5 | 1938 - 1952 (14 ปี) | อู่ทอง | |
6 | 1952 - 1967 (16 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
7 | 1967 - 1991 (16 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
8 | 1991 - 2031 (40 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
9 | 2031 - 2034 (3 ปี) | สุพรรณถูมิ | |
10 | 2034 - 2072 (38 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
11 | 2072 - 2076 (4 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
12 | 2076 (5 เดือน) | สุพรรณภูมิ | |
13 | 2077 - 2089 (12 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
14 | 2089 - 2091 (2 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
2091 (42 วัน) | - | ||
15 | 2091 - 2111 (20 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
16 | 2111 - 2112 (1 ปี) | สุพรรณภูมิ | |
17 | 2112 - 2133 (21 ปี) | ||
18 | 2133 - 2148 (15 ปี) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
19 | 2148 - 2163 (15 ปี) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
20 | 2163 (ไม่ทราบที่แน่ชัด) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
21 | 2163 - 2171 (8 ปี) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
22 | 2171-2173 (2 ปี) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
23 | 2173 (36 วัน) | สุโขทัย (พระร่วง) | |
24 | 2173 - 2198 (25 ปี) | ||
25 | 2198-2199 (1 ปี) | ปราสาททอง | |
26 | 2199 (3 เดือน) | ปราสาททอง | |
27 | 2199 - 2231 (32 ปี) | ปราสาททอง | |
28 | 2231 - 2246 (15 ปี) | ||
29 | 2246 - 2251 (6 ปี) | บ้านพลูหลวง | |
30 | 2251 - 2275 (24 ปี) | บ้านพลูหลวง | |
31 | 2275 - 2301 (26 ปี) | บ้านพลูหลวง | |
32 | 2301 (2 เดือน) | บ้านพลูหลวง | |
33 | 2301 - 2310 (9 ปี) | บ้านพลูหลวง |
ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
ปัจจัยที่ทำให้อยุธยาต้องขยายอำนาจทางการเมือง - ความเข้มแข็งและอำนาจของอาณาจักร ทางเศรษฐกิจ - เพื่อความมั่งคั่งของอาณาจักร
รูปแบบความสัมพันธ์ 1.ด้านสู้รบ 2.ระบบบรรณาการ 3.ทางการฑูต/การค้าจีน - ระบบบรรณาการ
ญี่ปุ่น - ทางการค้า(สมัยสมเด็จพระเอกาทศรถ) แต่เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองการปกครองของไทย พระเจ้าปราสาททองจึงกำราบ ทำให้ความสัมพันธ์เสื่อมลง แต่ไทยก็ยังคงค้าขายกับญี่ปุ่นอยู่ โดยผ่านทางฮอลันดา
อาณาจักรสุโขทัย - ทางการสู้รบ อยุธยาพยายามขยายอำนาจเข้าไปยังสุโขทัย
ล้านนา - ทางการสู้รบ อยุธยาพยายามขยายอำนาจเข้าไปยังล้านนา
พม่า - รูปแบบของการทำสงคราม และ เป็นสงครามที่ยืดยื้อ
ล้านช้าง - เป็นลักษณะมีไมตรีต่อกันตั้งแต่สถาปนากรุงศรีถึงสิ้นอยุธยา
เขมร - มีทั้งการสู้รบและด้านวัฒนธรรม โดยอยุธยาเป็นฝ่ายรับมา
หัวเมืองมลายู - อยุธยาขยายอำนาจไปยังหัวเมืองมลายูด้วยเหตุผลทางเศรษฐกิจ
ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก
รูปแบบความสัมพันธ์ 1.สร้างสัมพันธ์ไมตรี 2.รับวิทยาการตะวันตก 3.รักษาเอกราชของอาณาจักรโปรตุเกส - เป็นประเทศแรกที่เข้ามาติดต่อกับอยุธยา
สเปน - การค้าไม่ขยายตัวกว้างมากนัก เพราะ สเปนมุ่งจะเจริญสัมพันธ์ไมตรี
ฮอลันดา - ผลประโยชน์ทางการค้า แต่ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ฮอลันดาเริ่มไม่ชอบระเบียบการค้าขายกับไทยที่ต้องผ่านพระคลังสินค้า จึงส่งเรือรบมาปิดปากอ่าวไทย
ฝรั่งเศส - อยุธยาจึงมีสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส เพื่อถ่วงดุลย์อำนาจกับฮอลันดา
อังกฤษ - ความสัมพันธ์ด้านทางการค้าแต่ไม่ดีมากนัก